Sun The Bones
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
Search
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search

Log in

I forgot my password

Keywords

Live Traffic Feed

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania

Go down

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  Empty Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania

Post by Sun The Bones Sun 19 Jan - 19:52

        สวัสดีครับ พบกับผม Sun The Bones พบกับบทความชุดแรกที่เกี่ยวกับมวยปล้ำจากเว็บของผมเองครับ เมื่อก่อนเคยเขียนให้ wwe.in.th ภายหลังเว็บดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงระบบ บทความต่างๆก็หายไป ผมเลยหยุดเขียนบทความมวยปล้ำ แต่ผมก็ไม่หยุดง่ายๆเมื่อผมคิดจะลองทำอีกครั้งดู ในเว็บตัวเอง เอาไงก็เอาล่ะแม้คนอ่านจะน้อยกว่าเว็บที่เป็นทางการก็เถอะ ขอแค่ได้ทำสิ่งที่ตนรักก็พอครับ และเราจะประเดิมบทความนี้กัน Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania ประวัติศาสตร์ของเส้นทางสู่ Wrestlemania

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  Royal_10
ภาพโปสเตอร์เมื่อปี 1992 ซึ่งเป็นปีที่ 5 ของ Royal Rumble 

         Royal Rumble คือศึกใหญ่ของ WWE ซึ่งเป็นหนึ่งในศึก Grand Slam ของปีอันประกอบไปด้วย Royal Rumble, Wrestlemania, Summerslam และ Survivor Series ซึ่ง Wrestlemania นั้นเป็นศึกใหญ่ที่สุดแห่งปี และ ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการมวยปล้ำโลก ผู้คนจะเมามันส์และสนุกสนานไปกับค่ำคืนที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมลงได้เลย เพราะประกอบไปด้วยนักมวยปล้ำระดับแนวหน้าของสมาคม และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแมตซ์ของพวกเขา แต่แน่นอนในเมื่อ Wrestlemania คือศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช้ว่าทุกคนจะได้มีส่วนร่วมกันได้ง่ายๆ เหล่านักมวยปล้ำจะต้องเริ่มเดินทางไปตามถนนแห่ง Wrestlemania โดยเริ่มจาก Royal Rumble ศึกใหญ่ประจำเดือนมกราคม ด่านแรกสู่ถนนแห่ง Wrestlemania 

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  1st10
ภาพโปสเตอร์ Royal Rumble ครั้งแรก ซึ่งจัดในปี 1988 

         Royal Rumble จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1988 ที่เมือง Hamilton Ontario Canada โดยคนแรกที่ชนะในแมตซ์นี้ก็คือ "แฮคซอว์" จิม ดักแกน ซึ่งการปล้ำ รอยัลรัมเบิล ครั้งแรกได้ถ่ายทอดสดให้กันชมฟรี แต่หลังจากนั้นถัดมาหนึ่งปีก็เป็นการชมแบบ Pay-Per-View และบุคคลที่คิดค้นแมตซ์การปล้ำนี้ขึ้นมาก็คือ แพต เพตเตอร์สัน

         แมตช์การปล้ำนี้จะมีนักมวยปล้ำเข้าร่วมกันทั้งสิ้น 30 คน โดยจะมีนักมวยปล้ำสองคนแรกขึ้นมาบนเวทีก่อน และหลังจากนั้นทุกๆ 90 วินาทีก็จะมีนักมวยปล้ำขึ้นมาทีละคน (ถ้านับกันจริงๆก็ไม่ถึง 90 วินาที บางครั้งก็นานกว่าก็มี) นักมวยปล้ำที่เหลืออยู่บนเวทีคนสุดท้ายก็จะได้เป็นผู้ชนะไป การที่จะกำจัดคู่ต่อสู้นั้น มีอยู่วิธีการเดียว คือ จับคู่ต่อสู้เหวี่ยงพ้นเชือกเวทีเส้นที่ 3 และเท้าทั้งสองข้างแตะพื้น นักมวยปล้ำคนนั้นก็จะถูกออกจากการปล้ำไปทันที แต่ถ้ากรรมการไม่เห็นก็อาจจะรอดตัวไปได้ ในปี 1995 ชอว์น ไมเคิลส์ ถูกเหวี่ยงพ้นเชือกเส้นที่ 3 แต่เท้าของเขาแตะพื้นเพียงแค่ข้างเดียว นั่นก็หมายความว่าชอว์น ไมเคิลส์ ยังไม่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน เช่นเดียวกับ ในปี 2000 เอ็กซ์-แพ็ค ได้ถูก เดอะ ร็อก เหวี่ยงพ้นเชือกเส้นที่สามและเท้าทั้งสองข้างแตะพื้น แต่กรรมการกลับมองไม่เห็น เอกซ์-แพ็ค รีบขึ้นเวที ทำให้เขาไม่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน
         แต่ก็มีหลายครั้งเช่นเดียวกันที่นักมวยปล้ำยอมที่จะถูกคัดออกด้วยการกระโดดพ้นเชือกเส้นที่สามเท้าแตะพื้นด้วย ตัวเอง อย่างเช่นในปี 1999 ที่ เคน ยอมลงทุนข้ามเชือกมาเพื่อเล่นงานคนที่จะจับตัวเองไปโรงพยาบาลบ้า เป็นต้น และยังมีกรณีที่โดนอัดก่อนมาถึงเวที อย่างเช่น สก๊อตตี้ ทู ฮ๊อตตี้ ที่โดน ดิอันเดอร์เทเกอร์ ชกคว่ำก่อนจะมาถึงเวที ในปี 2002 เพราะหาที่ระบายอารมณ์กับ เมเว่น เพราะเขาคิดว่าไม่ใช่ศัตรูที่เหมาะสมที่จะเอาเขาลงจากเวทีได้และอยู่บนเวทีเร็วเกินไป หลายคนโชคไม่ดีก็คือกำลังจะได้ปล้ำแต่โดนอัดก่อนและถูกแย่งสิทธิ์ไปก็มีมิใช่น้อย เช่นกรณีของ เทสต์ ที่เขาต้องถูกอัดก่อนขึ้นปล้ำเวทีนี้เป็นคนที่ 21 แต่ สตีฟ ออสติน สั่งให้คนที่ทำร้าย เทสต์ ขึ้นไปปล้ำแทน นั่นก็ คือ มิค โฟลีย์ เพราะเป็นคนที่หมายหัว แรนดี ออร์ตัน ไว้ จึงขอโอกาสขึ้นปล้ำทันที
บางครั้งเวลานักมวยปล้ำบางคนก็โมโหที่ตัวเองถูกเหวี่ยงออก บางคนกลับมาทำร้ายคนที่เหวี่ยง หรือคนที่ไม่รู้เรื่องก็มี อย่างเช่น ในปี 2005 เคิร์ต แองเกิล ถูก ชอว์น ไมเคิลส์ เตะตกเวที แต่เขากลับมาทำร้าย ชอว์น ไมเคิลส์ ด้วยท่า แองเกิล ล็อก ทำให้ชอว์นบาดเจ็บ ไม่สามารถปล้ำต่อไปได้ จึงต้องออกจากการแข่งขันไปพร้อมกับเคิร์ต ในปี 2007 บูเกอร์ ที ถูก เคน เหวี่ยงตกเวที แต่เขากลับขึ้นมาบนเวที และเอาเก้าอี้เหล็กตีหัวเคน แล้วก็จากไป อย่าง เอ็มวีพี เขาถูก อันเดอร์เทเกอร์ เหวี่ยงตก เขาจึงโยนเก้าอี้ใส่ อันเดอร์เทเกอร์ จน อันเดอร์เทเกอร์ หัวแตก บางคนก็ลงกับคนที่ไม่รู้เรื่อง เช่น อันเดอร์เทเกอร์ ถูก ชอว์น ไมเคิลส์ เหวี่ยงตก แต่เขาดันจับ สนิสกี้ ที่ตกลงมาพร้อมกับเขา นอนบน โต๊ะผู้บรรยาย และ ได้ทิ้งขาลงมาอัดคอของสนิสกี้ จนโต๊ะผู้บรรยายพัง แล้วก็เดินจากไป


Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  Sheamu10
Sheamus ในศึก Royal Rumber ประจำปี 2012 ซึ่งเขาเป็นผู้ชนะ

         ในช่วงแรกๆของ Royal Rumble นั้นยังไม่ได้เพิ่มสิทธิพิเศษสำหรับผู้ชนะลงไป แต่ในปี ค.ศ. 1992 ถือว่าหากชนะแมตซ์นี้จะได้รางวัลชุดใหญ่เพราะผู้ชนะจะได้เป็น แชมป์ WWE โดยทันที ซึ่งผู้ชนะในปีนั้นก็ คือ ริก แฟลร์
และประเพณีที่ว่า "ใครชนะ Royal Rumble จะได้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกหมายเลขหนึ่ง ในศึก Wrestlemania" เริ่มขึ้น ในปี 1993 เมื่อ โยโกะซูน่า ชนะในแมตช์การปล้ำ Royal Rumble และได้ไปถ้าชิงแชมป์โลกจาก เบรต ฮาร์ต ในศึก Wrestlemania ครั้งที่ 9

ตอนนี้เรามาดูสถิติที่เคยเกิดขึ้นจาก Royal Rumble กันดีกว่าครับ 
-นักมวยปล้ำที่ชนะ Royal Rumble มากที่สุดคือ สตีฟ ออสติน ซึ่งทำไปได้ทั้งหมด 3 ครั้ง
-นักมวยปล้ำที่ปรากฏตัวในรอบ 6 คนสุดท้ายมาที่สุดคือ เคน รวมทั้งหมด 7 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1996, 1997, 2000, 2001, 2003, 2008, 2011
-นักมวยปล้ำที่อยู่บนเวทีได้นานที่สุดคือ เรย์ มิสเตริโอ ด้วยเวลาทั้งหมด 1:02:12 ในปี 2006
-นักมวยปล้ำที่อยู่บนเวทีได้สั่นที่สุดคือ ซานติโน่ มาเรลล่า ด้วยเวลา 0:00:01
-นักมวยปล้ำที่ชนะ Royal Rumble ด้วยเวลาที่น้อยที่สุดคือ เอดจ์ ซึ่งทำเวลาได้ 07:19 ในปี 2010

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  Edge-210
เอดจ์ ในขณะที่ฉลองชัยชนะของเขาใน Royal Rumble 2010

         และสำหรับปี 2014 ที่จะถึงนี้นั้น ใครจะเป็นผู้ชนะคนต่อไปยิ่งตอนนี้ Batista ก็จะกลับมามีส่วนร่วมกับ Royal Rumble อีกครั้ง แต่ก็ยังมีนักมวยปล้ำที่น่าจับตามองอยู่หลายคนไม่ว่าจะเป็น บิ๊กอี แลงสตัน, อัลเบอโต้ เดล ริโอ้, เรย์ มิสเตอริโอ และ ยังรวมไปถึงกลุ่ม เดอะชิลด์ ซึ่งอันตรายสำหรับทุกคนมาก และนอกจากแมตซ์ Royal Rumble แล้ว ก็จะมีแมตซ์เด่นๆอีกสองแมตซ์นั้นก็คือ บร็อก เลสเนอร์ จะต้องเจอกับ บิ๊กโชว์ ในแมตซ์เดี่ยวๆตัวๆ ซึ่งบร็อก เลสเนอร์ ได้ไปทำร้าย มาร์ค เฮ็นรี่ จนอาการสาหัส บิ๊กโชว์จึงทนไม่ได้จึงออกมาหมายจะเอาคืนแทนเพื่อน จนต้องไปเจอกันใน Royal Rumble เดี่ยวๆตัวๆ บร็อก เลสเนอร์ หรือ บิ๊กโชว์ ที่จะรอดไปได้ และสำหรับแมตซ์ชิงแชมป์ WWE World heavyweight Championship ซึ่งเป็นรีแมตซ์จาก TLC 2013 ซึ่งทางด้าน แรนดี้ ออตัน สามารถเอาชนะ จอนห์ ซีน่า ไปได้ หลังจากนั้นใน Raw ก็มีคำสั่งให้รีแมตซ์กันใน Royal Rumble เดิมพันเข็มขัด จอนห์ ซีน่า จะเอาแชมป์กลับมาได้ไหม หรือเป็น แรนดี้ ออตั้นที่จะยังคงเป็นแชมป์ต่่อไป แต่อย่าลืมว่าผู้ที่ชนะในแมตซ์ 30 คน Royal Rumble ได้นั้น จะได้รับสิทธิให้ท้าชิงแชมป์ได้ใน Wrestlemania 

ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์สู่ Wrestlemania เริ่มต้นจาก Royal Rumble 

สำหรับบทความชุดนี้ผม Sun The Bones ก็ต้องของตัวลากันไปก่อน พบกันใหม่บทความหน้าครับ สวัสดีครับ

Royal Rumber : The history of the road to Wrestlemania  Wwerr210

Royal Rumble 2014 
Sun The Bones
Sun The Bones
The Authority
The Authority

จำนวนข้อความ : 35
Join date : 2013-03-02
Age : 27
ที่อยู่ : Perth,WA,Australia

https://sunthebones.thai-forum.net

Back to top Go down

Back to top


 
Permissions in this forum:
You cannot reply to topics in this forum